พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับที่ 2

ในเมื่อเรามีการใช้สื่อดิจิทัลในชีวิตประจำวันนั้นเราจะมาสรุปในเรื่องของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กันนะครับ

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์คืออะไร ?

  พรบ.คอมพิวเตอร์ คือ พระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ว่า

มานั้นก็เป็นได้ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน และระบบต่างๆที่ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์จึงได้ตั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อป้องกันการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้คอมพิวเตอร์ หากใครกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็จะต้องได้รับโทษตามที่พ.ร.บ.กำหนดไว้

เอาหล่ะ ทีนี้เราก็รู้แล้วใช่ไหมครับว่าพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์คืออะไร ต่อไปผมก็จะมาสรุปพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับล่าสุดให้แล้วกันนะครับ

พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับที่ 2

1.เจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของคนอื่น โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้อนุญาต ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 5-8 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

2.แก้ไขดัดแปลงข้อมูล เพิ่มเติมข้อมูลของผู้อื่นโดยมิชอบ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตราที่ 9-10 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

3.พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ หรือ นักการตลาดที่ส่งอีเมลขายของที่ลูกค้าไม่ยินดีที่จะรับหรือการสแปม การฝากร้านใน Facebook หรือ Instagram ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตราที่ 11 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

4.โพสต์เกี่ยวกับการเมืองที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายหรือความมั่นคงต่อประเทศ หรือโพสต์ที่เป็นการก่อกวน ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตราที่12 กรณีเกิดความเสียหาย จำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท  กรณีเกิดความเสียหายจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท กรณีเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุกไม่เกิน 20 ปี ปรับไม่เกิน 4 แสนบาท

5.จำหน่ายหรือเผนแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตราที่ 13 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6.นำข้อมูลที่ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เช่น โพสต์ข้อมูลปลอม ข้อมูลลามก หรือ ส่งต่อข้อมูลที่รู้อยู่แล้วว่าผิด ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตราที่ 14 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

7.ให้ความร่วมมือ แสดงความคิดเห็นร่วมกับผู้กระทำความผิด ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตราที่ 15 แต่ถ้าหากแอดมินเพจตรวจสอบแล้วพบเจอ และลบออก จะเป็นผู้พ้นผิด แต่ถ้าหากไม่ยอมลบจะถือว่าเป็นผู้ทำผิดตามมาตราที่14 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

8.การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้าง ตัดต่อ หรือดัดแปลง ที่ทำให้ผู้อื่นนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียง ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตราที่ 16 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มีการตั้งมาเพื่อนควบคุมพฤติกกรรมของผู้คนที่ใช้งานสือดิจิทัล ดังนั้นการกระทำต่างๆต้องทำด้วยความระวัง และอย่าให้ไปกระทบต่อผู้อื่นนะครับ

การใช้สื่อดิจิทัลในการเรียนภาษาอังกฤษ

  ปัจจุบันเทคโนโลยีมีผลอย่างมากในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังนั้นการที่เราจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนในห้องเรียนเสมอไป เราสามารถศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองได้แล้ว โดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

 โดยสื่อที่ผู้คนส่วนมากใช้ในการศึกษาภาษาอังกฤษคือ Google และ Youtube

  Google เป็น search engine ที่มีความนิยมอย่างมากในโลกอินเทอร์เน็ตผู้คนมากมายทั่วโลกต่างใช้Googleเพื่อค้นหาข้อมูลต่างๆที่เราต้องการ เช่น การหาข้อมูลบนเว็บไซต์ Cambridge , Oxford หรือการเรียนภาษาอังกฤษจากอาจารย์ผู้สอนภาษาอังกฤษที่ได้แบ่งปันความรู้ดีๆบนโลกอินเทอร์เน็ต อีกทัั้ง Google ยังมี Google translate ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถนำคำศัพท์ภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆเพื่อมาแปลความหมาย การอ่าน และ ชนิดของคำ ได้อีกด้วย 

  Youtube เป็นศูนย์รวมวิดีโอต่างๆจากทั่วโลก มีทั้งวิดีโอบันเทิง,ความรู้,การใช้ชีวิต,ท่องเที่ยว,วิดีโอเกม และอื่นๆอีกมากมาย โดยถ้าหากผู้เรียนอยากศึกษาภาษาอังกฤษผ่านYoutubeก็สามารถค้นหาเรื่องที่อยากเรียนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนผ่านคลิบวิดีโอจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษหรือจะเป็นวิดีโอที่เป็นของชาวต่างชาติที่สอนภาษาอังกฤษผ่านทางวิดีโอได้อย่างสะดวกสบายและเข้าถึงได้ง่ายโดยผู้เรียนสามารถเรียนได้ตลอดเวลา

  การใช้สื่อดิจิทัลแน่นอนว่ามีข้อดีเยอะก็ต้องมีข้อเสียเยอะเช่นเดียวกัน เช่น การเข้าเว็บที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจไม่เหมาะสมต่อผู้ใช้บางวัย โฆษณาที่อาจจะเป็นภัยคุกคามต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การที่ต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อที่จะศึกษาค้นคว้า กฎหมายคุ้มครองเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นมานั้นจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้สื่อดิจิทัลในการศึกษาข้อมูลเลยถ้าหากมีการใช้งานอย่างถูกวิธี